หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สปาสมุนไพรไทย


         บางแห่งนิยมใช้สมุนไพรไทยแท้ๆ และผลไม้ อาทิ มะขามเปียก ตะไคร้ มะม่วง มะละกอ มาเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางขัดผิวหรือสครับกันเลยก็มี บางที่ก็นำสารสะกัดในผงโกโก้หรือช็อกโกแลตมาใช้เรียกชื่อเก๋ไก๋ไปเลยว่า "สปาช็อกโกแลต" เพราะเชื่อว่าโกโก้จะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งเอ็นดอร์ฟิน สารเคมีแห่งความสุขออกมาช่วยให้อารมณ์ดี นอกจากนี้ ช็อกโกแลตยังมีแมกนีเซียมสูงช่วยคลายกล้ามเนื้อ มีวิตามินเอและวิตามินอีเสริมสร้างเซลล์ผิวและมีสรรพคุณชะลอความแก่ อีกทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น วิธีการของสปาช็อกโกแลตก็คือการนำดาร์กช็อกโกแลตมาผสมกับผงซินนามอนและโคลนสำหรับพอกผิวแล้วทาให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงล้างออก ส่วนใครที่ชอบรับประทานสตรอเบอรี่ เดี๋ยวนี้เขาก็มีทรีตเมนต์สตรอเบอรี่กันแล้วนะ โดยเชื่อว่านอกจาก  สตรอเบอรี่จะช่วยระบบย่อยอาหารแล้วยังบรรเทาความเครียดได้และสามารถสมานผิวไหม้แดด ลดการเกิดสิวได้ดี ทรีตเมนต์นี้ก็ทำไม่ยากค่ะ เพียงแค่นำผลสตรอเบอรี่สด ข้าวโอ๊ต ข้าวหอมมะลิบด นมสด และน้ำผึ้งบริสุทธิ์ มาปั่นเข้าด้วยกัน ก็จะได้ทรีตเมนต์สครับเอาไว้ขัดผิวนุ่มๆ แล้ว เห็นไหมว่าวิธีการสร้างสรรค์ความสุขจากสปาด้วยตนเองนั้นสามารถประยุกต์ใช้สิ่งของรอบกายเราได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะพืชสมุนไพรและผลไม้เมืองร้อนที่หลากหลายในบ้านเราสามารถนำมาใช้ในเรื่องความงามได้อย่างแทบจะไม่มีข้อจำกัดเลย เพียงแต่เราต้องมีความรู้พื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสรรพคุณพืชผักเหล่านั้นเสียก่อนจะได้ใช้ประโยชน์สมุนไพรได้สอดคล้องกับสรรพคุณเฉพาะตัวของมันจริงๆ เพราะบางทีการใช้ผิดก็อาจเกิดโทษได้
          อันที่จริงเครื่องสำอางจากพืชสมุนไพรในบ้านเราเป็นที่รู้จักใช้กันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่โบราณและยังสืบต่อตำรับความงามเหล่านั้นจากรุ่นต่อรุ่นมากระทั่งปัจจุบัน เราใช้ทั้งผัก ผลไม้ สมุนไพร น้ำมัน และธัญพืชต่างๆ มาเป็นส่วนผสม ที่รู้กันทั่วไปก็คือ มะกรูด มะนาว ขมิ้น สับปะรด ชา ชะเอม มะเขือเทศ มะขาม พิมเสน น้ำมันงา น้ำมันละหุ่ง น้ำมันมะพร้าว ข้าวโอ๊ต น้ำผึ้ง และไขผึ้ง ฯลฯ
           ปัจจุบันกิจการสปาในบ้านเรานิยมนำสมุนไพรสดมาทำเป็นสครับสมุนไพรเพื่อการขัดผิวมากที่สุด และมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะสมุนไพร พืชผัก ผลไม้ของเราราคาถูก มีตามฤดูกาลให้ใช้ได้ตลอดปีหมุนเวียนกันไปไม่เบื่อ ทั้งยังถือว่าเป็นของแปลกใหม่สำหรับลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่คุ้นเคยแต่เครื่องสำอางทั่วไปที่มีแต่สารประกอบทางเคมีแบบสมัยใหม่ เวลาเข้ามาใช้สปาในไทยถูกจับไปขัดผิวด้วยขมิ้น พอกตัวด้วยมะละกอสุกเข้าก็หลงใหลไปตามๆ กัน ใครอยากลองทำก็เชิญเลยค่ะ ง้ายง่าย ขอให้รู้หลักในการทำสครับพื้นฐานเท่านั้น ส่วนสูตรผสมต่างๆ สามารถนำไปประยุกต์ได้เองเต็มที่การขัดผิวที่นิยมทำกันนั้น บางคนก็เรียกทับศัพท์จนติดปากว่า "สครับ" ซึ่งหมายถึงการขัดตัวเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปพร้อมกับกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตและน้ำเหลืองให้ดีขึ้น โดยมีอุปกรณ์สำคัญคือครีมขัดผิว ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากเคาน์เตอร์เครื่องสำอางทั่วไป แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางสมุนไพรธรรมชาติแบรนด์ดังๆ ล่ะก็ ขอบอกว่าราคาแพงหูฉี่เลยค่ะ บางยี่ห้อกระปุกแค่กำปั้น ฟันเงินเราไปเป็นพันก็มี อย่ากระนั้นเลยมาทำกันเองที่บ้านดีกว่าสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับสครับก็คือองค์ประกอบของครีมขัดผิวตัวนี้มีอะไรที่สำคัญบ้าง อันดับแรกก็คือเราต้องรู้จักสมุนไพรหรือผลไม้ที่นำมาใช้ว่ามีสรรพคุณเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการหรือไม่ ของบางอย่างแม้สรรพคุณจะคล้ายกันแต่ก็มีความเหมาะสมเฉพาะเจาะจงกับลักษณะผิวบางประเภทเท่านั้น เช่น มะขามเปียกกับสับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคลได้ดีและมีความเป็นกรดช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส แถมยังมีวิตามินซีสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับคนผิวแห้งมากเพราะความเป็นกรดสูงจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ก็ต้องระมัดระวังในจุดนี้ แต่ถ้าใช้ส้มเช้งแทนก็จะได้สครับที่มีคุณสมบัติคล้ายมะขามเปียกและสับปะรดแต่ไม่เป็นกรดจึงเหมาะกับผิวแห้งมากกว่า ขณะที่มะขามเปียกและสับปะรดนั้นเหมาะกับผิวค่อนข้างมัน เป็นต้นนอกจากคุณสมบัติที่เหมาะสมของพืชผักสมุนไพรแล้ว สครับจะต้องมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย (bead) แต่ไม่ควรหยาบถึงขั้นทำให้ผิวระคายเคืองได้ เพราะความหยาบนี้เองที่จะไปช่วยขัดเอาขี้ไคลและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดร่วงออกมาได้ง่ายขึ้นระหว่างที่ขัดจำเป็นจะต้องมีน้ำมันคอยช่วยหล่อลื่นให้การขัดนุ่มนวลลื่นไหลได้ดี และตัวน้ำมันยังจะช่วยถนอมผิวให้มีความชุ่มชื้นนุ่มนวลตลอดเวลาในระหว่างการขัดเซลล์ผิวหนังที่ตายทิ้งไป
สรุปแล้วสครับต้องประกอบด้วย 3 อย่างด้วยกัน คือวิตามินจากสมุนไพร (base) วัสดุเพิ่มความหยาบในเนื้อครีมที่เรียกว่า bead (บีด) ในภาษาทางสปา และน้ำมันหล่อลื่นในการขัดผิว (oil) ที่มีกลิ่นหอมในตัว
          สำหรับ bead ที่นิยมใช้เพิ่มความสากในสครับนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีใช้อยู่ในครัวเรือนของเราเองเพราะมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่น เกลือ ข้าวสาร น้ำตาลทราย งา กาแฟบดละเอียด เป็นต้น แต่ของพวกนี้ก็มีเหลี่ยม มีคม หากใช้ผสมไปเลยอาจระคายเคืองผิวได้จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดเสียก่อนส่วนน้ำมันช่วยหล่อลื่นจุดประสงค์สำคัญใช้เพื่อลดแรงเสียดทานนั้น สามารถเลือกใช้ได้หลายชนิด เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหล่อลื่น นี้ยังจะเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งได้ดี รวมทั้งช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป ในส่วนของน้ำมันหล่อลื่นนี้ นอกจากน้ำมันดังกล่าวแล้วยังนิยมใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณทางด้านสุคนธบำบัดมาผสมให้เกิดคุณลักษณะของกลิ่นเฉพาะตัวสครับด้วย แต่สำหรับสครับสดคนปรุงสูตรมักให้ความสำคัญกับกลิ่นสมุนไพรสดๆ ที่จะแสดงตัวตนออกมาอย่างเต็มที่ เช่น กลิ่นตะไคร้สดๆ หรือมะกรูดสดๆ เป็นต้น เมื่อรู้หลักแล้ววิธีการทำก็คือ เราต้องเอาส่วนประกอบ 3 ตัวนี้ มารวมเข้าด้วยกันด้วยการบดหรือปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียว แต่ถ้าสามารถหาสมุนไพรหรือผลไม้ที่มีสรรพคุณครบถ้วนทั้งสามประการในตัวเองของการเป็นสครับได้ เราก็สามารถใช้สมุนไพรตัวนั้นเดี่ยวๆ โดยไม่ต้องไปผสมกับอะไรเลย เช่น ใช้มะขามเปียกขัดผิว เป็นต้น มะขามเปียกนั้นนอกจากจะมีความสากในตัวเองจากเส้นใยของมันแล้วยังมีความลื่น ขัดแล้วไม่เจ็บปวดระคายเคือง ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีครบองค์ประกอบของสครับ ใช้ได้เลยค่ะ เพียงแค่ผสมน้ำให้นุ่มแล้วสครับตัวตามจุดต่างๆ ที่ต้องการ ความสดชื่นนุ่มนวลของผิวพรรณก็จะเกิดขึ้นทันที หรือแทนที่จะทำครีมสครับเต็มรูปแบบก็ลดขั้นตอนลงใช้ ใยบวบ เป็น bead ในการขัดร่วมกับ base ผลไม้สดเนื้อนิ่มๆ นุ่มนวลอย่างมะละกอสุกหรือมะม่วง ซึ่งอันนี้ก็ไม่จำเป็นต้องผสมน้ำมันหล่อลื่นเช่นกัน เว้นแต่นึกสนุกอยากได้กลิ่นหอมอื่นๆ ผสมผสานเข้ามาก็อาจเหยาะน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบเติมเข้าไป แต่ถ้านึกสนุกจะสร้างสรรค์ตำรับสครับสมุนไพรสดของตัวเองขึ้นมา ให้ทดลองทำง่ายๆ ดังนี้ค่ะ เริ่มแรกให้เลือกสรรสมุนไพรที่เหมาะกับลักษณะผิวของคุณเองมาเป็น base ซึ่งอาจเป็นสมุนไพรเดี่ยวหรือหลายชนิดรวมกันก็ได้ เป็นต้นว่า ถ้าทำสครับหน้าอาจเลือกใช้มะเขือเทศร่วมกับมะละกอ กล้วยหอม ผสมกับน้ำผึ้ง ตามด้วย bead จากข้าวสารบด oil จากน้ำมันที่ให้กลิ่นที่ชื่นชอบปั่นรวมกัน สูตรนี้เหมาะกับผิวผสม ดูจากสรรพคุณแล้วหน้าจะเด้งไร้รอยเหี่ยวย่นเลยแหละ สำหรับสูตรสครับเพื่อขัดตัวมีคนแนะนำสูตรง่ายๆ สำหรับผิวแห้งว่าควรใช้งาดำกับน้ำผึ้ง และงาขาวกับน้ำนมข้าว ส่วนผิวมัน ควรใช้ตะไคร้ เมล็ดกาแฟกับผงซินนามอน และชาเขียว ผิวผสมให้ใช้ชาผลไม้และสมุนไพรรวม ทั้งนี้สมุนไพรแต่ละตัวนั้นจะให้ผลที่แตกต่างกัน เช่น ตะไคร้ช่วยขจัดเชื้อราที่อยู่ตามผิวได้และยังมีกลิ่นเพิ่มความสดชื่นไปด้วย ขณะที่ชาและกาแฟทุกประเภทนั้นมีคุณสมบัติช่วยในการดีท็อกซ์ผิว งาขาวช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าทิ้งไปและช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ บางคนอาจนึกสนุกเพิ่มนมโยเกิร์ต หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิวเข้าไปด้วย แต่ต้องคอยสังเกตไม่ให้ สครับข้นหรือเหลวเกินไปนะคะ ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัวอยู่บนผิวได้ดี และสะดวกแก่การขัดถู การสครับผิวนิยมทำอย่างน้อยเดือนละครั้งตามรอบการผลัดเซลล์ผิวหนังโดยเฉลี่ยของร่างกายซึ่งมีขึ้นทุก 28 วัน แต่ถ้าคุณไปใช้บริการสปาจนติด ทางสปามักจะแนะนำให้ขัดผิวเดือนละ 2 ครั้ง และถ้าจะทำกันที่บ้านก็ควรเริ่มด้วยการอาบน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขนก่อน จากนั้นนำส่วนผสมมาขัดผิวด้วยการวนเป็นวงกลม เริ่มจากซีกซ้ายของร่างกายตั้งแต่ส่วนล่างสู่ส่วนบนแล้วไล่จากร่างกายส่วนบนซีกขวาลงไปด้านล่าง ซึ่งเป็นการขัดผิวไล่ไปตามเส้นทางการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขจัดสารพิษไปในตัวด้วย ขัดเสร็จแล้วพักไว้สัก 10 นาที จึงค่อยล้างตัวด้วยน้ำอุ่นๆ แล้วอาบน้ำเย็นเป็นน้ำสุดท้ายเพื่อปิดรูขุมขนและช่วยให้ผิวกระชับขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น